ความเป็นมา

 

ดร. เทียม โชควัฒนา ผู้ก่อตั้งสหกรุ๊ป เป็นผู้ริเริ่มธุรกิจของบริษัท โดยในระยะแรกผลิตรองเท้าจำหน่ายควบคู่ไปกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่สหพัฒน์ผลิต โดยเป็นหน่วยงานหนึ่งในบริษัทไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด ในปี 2517 ได้แยกออกมาตั้งบริษัท บางกอกรับเบอร์ จำกัด ผลิตรองเท้านักเรียน รองเท้ากีฬา และชุดกีฬา ภายใต้เครื่องหมาย “แพน”

 

บริษัท บางกอกรับเบอร์ จำกัด ได้ขยายงานเพิ่มโดยตั้งบริษัท แพนเอเซียฟุตแวร์ จำกัด ขึ้นที่สวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเป็นนิติบุคคล เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2522 ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อผลิต รับจ้างผลิตและจำหน่ายรองเท้า ทั้งในและต่างประเทศ ในระยะแรกบริษัทเริ่มทำการผลิตรองเท้า NIKE เพื่อส่งออกไปจำหน่ายในทวีปอเมริกาและยุโรป และผลิตรองเท้ากีฬา “แพน” เพื่อจำหน่ายในประเทศ

 

การเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาการที่สำคัญ

 

ปี 2523 บริษัทฯ ได้เริ่มผลิตรองเท้าไนกี้เพื่อส่งออกให้กับบริษัท NIKE IHM INC. ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นรายแรกในประเทศไทย และเป็นผลิตภัณฑ์แรกของบริษัทที่มีการส่งออกโดยมียอดผลิตในระยะแรกประมาณเดือนละ 40,000 คู่

 

ปี 2537 บริษัทฯ ได้ยื่นคำขอจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2537 ตามทะเบียนเลขที่ บมจ. 397 และที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2537 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2537 ได้มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 400 ล้านบาท เป็น 800 ล้านบาท โดยเรียกชำระแล้ว 600 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2537 และเรียกชำระหุ้นเพิ่มทุนส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านบาท ตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2544 เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2544 และที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2545 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2545 ได้มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 800 ล้านบาทเป็น 1,800 ล้านบาท โดยเรียกชำระเป็น 2 งวด งวดแรกจำนวน 400 ล้านบาท และงวดที่สองจำนวน 600 ล้านบาทและที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2547 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2547 มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1,800 ล้านบาทเป็น 2,700 ล้านบาท

 

ปี 2540 บริษัทฯ เป็นบริษัทแรกของประเทศไทย สำหรับอุตสาหกรรมประเภทรองเท้าที่ได้รับใบรับรองการบริหารระบบคุณภาพ ISO 9002 : 1994 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2540 และเป็นอันดับ 6 ของทวีปเอเชีย เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้ามีคุณภาพได้มาตรฐานตามข้อตกลงและความพึงพอใจของลูกค้า พร้อมทั้งให้มีการธำรงรักษา และปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการบริหารคุณภาพอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ ได้นำระบบISO 9001 : 2000 มาพัฒนาใช้และได้รับการรับรองจาก BUREAU VERITAS QUALITY INTERNATIONAL เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2547 อีกทั้งยังได้รับใบรับรองระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 : 1996 จาก SGS YARSLEY INTERNATIONAL CERTIFICATION SERVICES LIMITED เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2547

 

ปี 2545 บริษัทฯ นำระบบการบริหารงานแบบ TAC (TOTAL ACTUAL COST), TPM (TOTAL PRODUCTIVE MAINTENANCE), MOPP (MISSION OBJECTIVE POLICY & PROJECT) และ DPL (DEVELOPMENT PER-PRODUCTION & LOGISTIC) มาเป็นเครื่องมือสร้างความสำเร็จในการผลิตและการด้านตลาด เพื่อลดต้นทุนในการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพ

 

ปี 2546 บริษัทฯได้พัฒนากระบวนการผลิตโดยเริ่มนำเอาระบบ TMS (TOYOTA MANUFACTURING SYSTEM) มาประยุกต์ใช้ในการผลิตร่วมกับระบบ NOS ของลูกค้าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการผลิต การทำงานให้กระชับ รวดเร็ว ยืดหยุ่น มีคุณภาพและลดต้นทุน

 

ปี 2548 บริษัทฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบการบำรุงรักษาทวีผล (TPM) ซึ่งเป็นระบบที่ทุกคนมีส่วนร่วมเพื่อเสริมสร้างและพัฒนาคนและเครื่องจักร ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน การพัฒนาระบบการบำรุงรักษาทวีผลอย่างต่อเนื่อง จะก่อให้เกิดผลต่อการผลิต พร้อมพัฒนาบริษัทฯ ให้มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งต่อไป อีกทั้งยังได้มุ่งเน้นคุณภาพของสินค้า โดยพัฒนาและปรับปรุงระบบความชำนาญในการผลิต (CRAFTSMANSHIP) เพื่อสนองตอบความต้องการและความพึงพอใจให้กับลูกค้า

 

ปี 2553 บริษัทฯ มีระบบการจัดการทางด้านการผลิต โดยพัฒนาระบบการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และลดต้นทุนการผลิตมากขึ้น สามารถรองรับ ORDER รองเท้าหลากหลาย BRAND, ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อขยายกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์กระเป๋า ปัจจุบันบริษัทสามารถผลิตรองเท้าได้หลากหลายแบบ และผลิตกระเป๋าภายใต้ BRAND JANSPORT, KIPLING, EASTPAK

 

ปี 2554 บริษัทฯ ยังคงพัฒนาระบบการจัดการทางด้านการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยการเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการผลิต บริษัทฯ ได้เพิ่มยอดขายในประเทศ โดยเปิดร้าน SHOES OUTLET ที่สำนักงานใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ จาก บริษัท พี เอ แคปปิตอล จำกัด และ บริษัท บางกอกรับเบอร์ จำกัด (มหาชน) เป็น บริษัท ไอ.ซี.ซี อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (มหาชน) และ บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน)

 

ปี 2556 บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจจากโรงงานผลิตรองเท้าและกระเป๋าตั้งแต่ 31 สิงหาคม 2556 เป็นบริษัทฯที่ประกอบธุรกิจในการถือหุ้นในบริษัทย่อยเพียงอย่างเดียว(Holding Company) โดยบริษัทยังคงมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อยเช่นเดิม โดยมีบริษัท ดับเบิ้ลยูบีแอลพี จำกัด (เดิม บริษัท แพนระยองจำกัด) ซึ่งเป็นผู้ผลิตรองเท้าและกระเป๋า เป็นบริษัทแกนของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นลูกค้าในประเทศเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มในเครือเดียวกัน